หนทางในตอนแคบ
เหลือที่ให้คนอื่นเดินสักหนึ่งก้าว
อาหารรสเข้มข้น
แบ่งให้คนอื่นชิมสักสามส่วน
นี้คือวิถีการดำรงชีวิตในโลก
ด้วยความสงบสุขเป็นอย่างยิ่ง
ปากสองปาก
มีหนอนชนิดหนึ่งเรียกกันว่า “ไว่” มันมีอะไรแปลกประหลาดกว่าหนอนชนิดอื่นๆอยู่มากทีเดียว เหตุเพราะว่าเจ้าหนอนตัวนี้ มันมีสองปาก
ในยามปกติมันก็อยู่ด้วยกันได้อย่างกลมเกลียวไม่มีปัญหาอะไร แต่พอมีของกินดีๆ ปากทั้งสองของมันก็กัดกันเองเพื่อแย่งอาหารนั้น อย่างเอาเป็นเอาตาย ต่างยอมลดราวาศอกซึ่งกันและกันเลย
ปากทั้งสองนั้นเลือดไหลโทรม ปากนั้นเน่า ปากนั้นไม่ขยับเขยื้อนอีกต่อไป ในที่สุดเจ้า”ไว่” ก็สิ้นใจตายเพราะไม่ได้กินอาหาร มันตายโดยที่ไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารที่มันอยากกินแม้สักคำ
หากปากทั้งสองของมันไม่แย่งชิงกันเองแล้ว ปากทั้งสองของมันคงพลัดกันลิ้มรสอาหารอันโอชะไม่มากก็น้อย ต่างปากต่างแย่งชิง ไหนเลยจะหาความสุขได้อย่างไร?
เราลองหันมาดูต้นไม้ที่ถูกโค่นเป็นสะพานพาดข้ามลำธารที่หมู่บ้านอิน คนตัดฟืนเดินมาทางตะวันออก ชาวประมงเดินมาทางตะวันตก คนทั้งสองเผชิญหน้ากันกลางสะพาน คนตัดฟืนมีน้ำใจ ถึงกับถอยกลับมาหัวสะพานให้ชาวประมงข้ามไปก่อน
ต่อมา ทางตะวันออกของสะพานมีคนขายของเดินมา ทางตะวันตกก็มีคนฆ่าหมูเดินมาพร้อมกัน ทั้งสองไม่ยอมหลีกทางให้กันและกัน จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วก็ยังยืนเผชิญหน้ากันกลางสะพาน ปั้นสีหน้าส่งเสียงต่อว่ากันให้อีกฝ่ายหนึ่งหลีกทาง คนทั้งสองจึงยังไม่มีใครกลับบ้านได้
เพราะฉะนั้น “ภาษิตรากผัก” จึงว่า
“เรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ หากประสงค์อยู่เย็นเป็นสุข ควรจะทำอย่างไรดี?” ดังนั้นพึงระลึกให้ได้ว่า
เมื่อเดินไปในทางแคบ ควรจะผ่อนปรนเว้นที่ให้คนอื่นเขาเดินสักก้าวหนึ่ง มีอาหารรสโอชา ก็ปันให้คนอื่นเขาลองลิ้มชิมบ้างสักสามส่วน
คำโบราณกล่าวไว้ว่า “ถอยหนึ่งก้าว ทะเลกว้างฟ้าไกล” หมายความว่า การรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาตามควรแก่กรณี จะทำให้คนเราจิตใตมีแต่เบิกบาน ปลอดโปร่งโล่งใจ ไม่มีอะไรรกสมอง”