เมษายน 26, 2024

เมืองฉะดอทคอม>MUANGCHA.COM

โน่นนิดนี่หน่อยค่อยเป็นค่อยไป

เหียงั๊ง เจ้ย้ง และตาลิ้ง เจ้กัณหา

สี่เทพแห่งร้านโอชา ท่าเรือจ้าง เมืองจันท์

         

         ที่ๆเป็นที่ชุมนุมกันของคนทุกชั้น ทุกอายุ ทุกประเภท นั่นคือร้านกาแฟ ใช่แค่ว่าสมัยนี้ สมัยก่อนก็ไม่ต่างกันจะผิดกันก็ตรงบรรยากาศ ร้านกาแฟสมัยก่อนนั้นพร้อมที่จะเปลี่ยนสภาพเป็นที่การพนัน เช่นไฮโลกลักไม้ขีด ทายเลขแบ้งค์ ปั่นแปะ ได้ทุกเวลา ถ้าผู้คนพร้อมแลเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะเปิดมุมกิจกรรมเพื่อเสียงโชคกัน  พร้อมที่จะเป็นลานต่อสู้หากผู้มาเยือนต่างถิ่นทำตัวไม่น่ารัก ไม่สงบเสงี่ยม ร้านกาแฟในจันท์มีอยู่ทุกอาณาเขต มีผู้อาวุโส มีขาประจำ ท่าเรือจ้างก็เช่นกัน ร้านกาแฟที่เป็นที่รู้จักกันนั้น คือร้านโอชา เรียกว่าถ้าเรียกรถม๊าดด้า(รถมาสด้า แฟมิลี่รุ่นสี่หูห้าหู เอามาใส่หลังคา ตัดด้านข้างให้เป็นที่ขึ้น เป็นรถรับจ้างประจำทางของเมืองจันท์เค้าครับ) บอกว่าลงร้านโอชา เป็นอันรู้กันไม่ต้องถามอะไรกันมาก ยกเว้นถ้าดึกหน่อยก็อาจจะมีกลัวๆบ้าง ว่าถ้าเป็นช่วงอายุระหว่าง 15-25 นี่จะมีการชักดาบกันเกิดขึ้นหรือเปล่า นั่นคือคำตอบได้ดีว่า ถ้าบอกรถม๊าดด้าว่าไปลงที่ไหน แล้วคนขับไม่ถามนั่นแสดงว่าที่นั่นดังจริง เฉกเช่นร้านโอชา 

      ร้านโอชานั้นแรกเริ่มเลยก็จะมีเหียงั๊งกับเจ้ย้ง สองคนผัวเมียเป็นคู่ยืนคอยให้บริการ เหียงั๊งนั้นรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวแบบคนจีน หน้าตาดี แกจะพูดจากับทุกคนอย่างเป็นกันเอง แกเอ็นดูเด็กๆไม่เคยดุ หรือรำคาญเด็กๆเวลาที่พ่อแม่ใช้ให้มาซื้อของแล้วบอกไม่ค่อยรู้เรื่อง (ซึ่งจริงๆเด็กไม่ต้องบอกหรอกแกจำได้ว่าลูกใคร พ่อแม่ชอบกินอะไร) ส่วนเมียแกคือเจ้ย้งนั้นทีเด็ดมาก เจ้ย้งเสียงดัง เวลาพูดติดสำเนียงจีนนิดๆ ผิวขาว รูปร่างท้วมนิดๆ ปากแกอาจจะไวไม่ยอมใครแต่แกใจดีมากๆ สิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับผู้ใหญ่สมัยก่อนนั่นคือ ไม่เคยว่า ไม่เคยด่าเด็ก ไม่เคยแสดงท่าทีคุกคามหรือไม่เป็นมิตรต่อเด็ก ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม ผมเห็นเหียงั๊งกับเจ้ย้งอยู่ได้ไม่เท่าไหร่ แกก็เลิกกิจการขายกาแฟ แล้วไปเปิดเป็นร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวไฟฟ้า เช่นพวกสายไฟ หลอดไฟ บัลลาด สตาร์เตอร์ อะไรประมาณนี้ ร้านแกอยู่แถวน้ำพุ ชื่อร้าน เมืองแสง กิจการแกดีวันดีคืนจนแกกลายมาเป็นร้านตัวแทนของมิตซูบิชิ ขายแอร์ ทีวี แต่ก็ไม่เลิกขายอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับไฟฟ้า แล้วแกก็ยังทำสวนผลไม้อีกด้วย สิ่งที่ผมดีใจคือเมื่อวาน(15 กค. 64) ผมโทรไปถามข้อมูลว่าแกยังอยู่ไหม เป็นที่น่ายินดีที่แกยังอยู่ ถ้าสถานการณ์โควิคดีขึ้น ผมตั้งใจว่า มีค.65 ผมจะลงมาจันท์แวะกราบสวัสดี และถามข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับท่าเรือจ้างจากแก แล้วนำมาบันทึกไว้เป็นลำดับต่อไป 

    เมื่อเหียงั๊งกับเจ้ย้งเปลี่ยนแนวทางอาชีพ ร้านโอชาจึงตกมาสู่รุ่นสอง คือ ตาลิ้ง ซึ่งตาลิ้งจะแตกต่างกับเหียงั๊งผู้พี่ เหียลิ้งรูปร่างบางกว่า แต่เสียงดังกว่า นักเลงกว่า แต่ฝีมือทางด้านกาแฟไม่แพ้กันเลย ตาลิ้งมีสมุนคู่ใจคือเหียป่อก ซึ่งตอนนั้นอายุน่าจะประมาณสิบกว่าขวบ แต่แสบมาก เป็นคนคอยช่วยชง ช่วยส่งกาแฟ (สมัยนั้นกาแฟก็ดิลิเวอรี่แล้วนะ)  เสน่ห์ของกาแฟร้านโอชาก็คือ แกจะใช้น้ำแข็งมือ(น้ำแข็งเป็นก้อนสีเหลี่ยมใหญ่ๆ ตรงกลางจะร่องตามแนวขวาง ถ้าซื้อยกก้อนคือ1มือ แต่ถ้าแบ่งครึ่งเรียกว่า กั๊ก)แล้วแกก็จะโม่เองที่หลังร้านตอนเช้า เครื่องโม่น้ำแข็งเป็นแบบสายพาน โดยสายพานจะหมุนแกนเหล็กใหญ่ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆหนามอยู่ห่างกันเป็นแถวๆ เมื่อสตาร์ทเครื่องซึ่งเสียงดังมาก แกนเหล็กก็จะหมุนแล้วก็จะหย่อนน้ำแข็งลงไป ซึ่งเสียงจะดังมากกว่าเก่าอีก แล้วก็ใช้กระสอบรองตรงทางออกซึ่งน้ำแข็งก็จะไหลออกมาทางนี้ แล้วก็แบกเอาไปเทใส่ถังน้ำแข็งซึ่งเป็นตู้สแตนเลสใหญ่มาก ตู้จะแบ่งเป็นสองช่อง โดยช่องนึงแกก็ใส่น้ำแข็งโม่ไว้ แต่อีกช่องแกใส่น้ำอัดลมเอาไว้ แล้วก็ปิดฝาบนตู้ เชื่อไหมแค่นี้เอง น้ำอัดลมเย็นทุกขวด ซึ่งหลักการนี้ผมว่ามันเป็นหลักการเดียวกับแก้วเยติเองนั่นแหละ งานประจำของเหียลิ้งตอนกลางวันคือคนขายกาแฟ แต่พอร้านกาแฟปิดแล้ว ตาลิ้งก็จะอยู่กับสิ่งที่ชอบ นั่นคือ วงดัมมี่(รัมมี่) ร้านโอชาของแกนอกจากจะเป็นร้านกาแฟที่มีชื่อแล้วหลังร้านชั้นสองนั้นยังเป็นวงดัมมี่อีกด้วย เรียกว่ามีแทบทุกวันเด็กอย่างผมไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปสำรวจหรอก แต่ที่รู้ก็น่าจะมีเหียลิ้งนี่แหละ แล้วก็เหียจันทร์  

  จากการที่อยู่คนเดียวมานาน ในที่สุดเหียลิ้งก็ทนไม่ไหว ไปได้สาวสวยจากโขดหอยมาแนบกาย ซึ่งก็คือเจ้กัณหา  เจ้กัณหาทรงก็ออกแบบหญิงไทยแท้เลยก็ว่าได้ พูดเหน่อนิดๆ แกมีนิสัยนักเลงพอควร กล้าได้กล้าเสีย ปากแกใช้ได้เลยนะ แต่แกก็ใจดีสุดๆเหมือน กันนะ แล้วก็ดูเหมือนว่า ฟ้าได้ส่งคนไม่ผิดมาให้เหียลิ้ง เพราะพอเจ้กัณหาแกเข้าที่เข้าทางแล้ว ชั้นล่างหลังบ้านตาลิ้งก็กลายเป็นสมรภูมิกบดำกบแดงชนิดถาวรไปในบัดดล เจ้กัณหากับเฮียลิ้งมีลูกด้วยกันสามคน คนโตเป็นผู้ชายชื่อโอชา คนที่สองเป็นผู้หญิงชื่อโบว์ คนสุดท้องเป็นผู้ชายชื่อบอล  เจ้กัณหาขยันไม่แพ้เหียลิ้ง ทุกอย่างในร้านแกทำได้หมด ทำได้แบบไม่เหนื่อย ที่น่าชื่นชมนั่นคือแกไม่เคยลืมพี่น้องของแก ดูได้จากการที่แกดึงเอาน้องๆเข้มมาสู่ชีวิตในเมืองเหมือนแก มาเป็นครอบครัวโอชา เจ้แบ้ที่มาเป็นตัวหลักในร้านนับสิบปีจนมีครอบครัวแล้วย้ายกลับบ้านโขดหอย เหียชาลีที่ต่อมาหันไปเป็นช่างรับงานเดินไฟ เหียหมูซึ่งไปเจียพลอย(เจียรนัยพลอย) เจ้แจ๋วซึ่งต่อมาผันตัวไปขายอาหาร แต่ถึงอย่างไรเมื่อมีเวลาหรือผ่านมาที่ร้านแล้วคนเยอะหรือเหียลิ้งเจ้กัณหาไม่ว่าง ทุกคนก็จะรีบเข้ามาช่วยทุกครั้งไป  เจ้กัณหาเป็นคนอารมณ์ดีแทบตลอดเวลา 

      หลังจากผ่านการต่อสู้ชีวิตมาอย่างยาวนาน ปลายทางชีวิตกลับไม่งดงามสักเท่าไหร่นัก โชคชะตาเล่นตลกกับทั้งสองคนเมื่อเจ้กัณหามีโรคประจำตัว นั่นคือโรคไต ซึ่งทำลายชีวิตประจำวันที่สนุกสนานกับผู้คนไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยเทคโนโลยีและยาสมัยนั้นยังไม่พัฒนาเหมือนทุกวันนี้(แต่ทุกวันนี้โรคนี้ก็ยังน่ากลัว) เหียลิ้งทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักษา ประคับประคองอาการของเมียรักคู่ชีวิตของแก แต่ในที่สุดก็ไม่อาจเยื้อไว้ได้ เหียลิ้งเริ่มหมดสนุกกับชีวิตของแก ประจวบกับโอชาโตเป็นหนุ่มแล้ว ร้านกาแฟโอชาจึงมีลูกชายคนโตคือโอชา สืบทอดต่อเป็นรุ่นที่สาม ส่วนตัวแกก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่เข้าสวนของแกซะมากกว่า จะมีก็ช่วงเช้าๆที่แกยังคงยืนให้บริการอยู่ ด้วยเหตุที่เพื่อนๆยังแวะเวียนมาตั้งวงพูดคุยกัน จนปี2540 เพื่อนที่แกรักและสนิทมากคนนึงจากไป แกได้เอ่ยออกมาว่า..”ไอ้อ๋า มึงไม่อยู่แล้ว ชีวิตกูก็ไม่เหลืออะไรแล้ว..” ประโยคที่สื่อสารถึงความสนิทสนม ประโยคของมิตรที่ส่งต่อให้มิตรผู้ที่ไม่มีวันรับรู้ได้นั้น มันบ่งบอกถึงมิตรภาพที่ลึกซึ้งของคนสองคนที่รัดร้อยไว้ด้วยคำว่าเพื่อน แล้วแกก็เหมือนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต หมดความสนุกของชีวิต หมดคนคุย หมดคนรู้ใจ เมียรัก เพื่อนรัก จากไปแม้ว่าเวลาจะห่างกันก็ตาม เราจึงไม่ค่อยได้เจอเหียลิ้งสักเท่าไหร่ ซึ่งหลังจากนั้นผมเองก็แทบไม่ได้แวะเวียนไปร้านโอชาเลย ก็เลยไม่รู้ข่าวคราวความเป็นไป  มารู้ข่าวอีกครั้งก็เมื่อ 14 กค. 64 ถามไถ่หาแก ก็รู้ว่าแกได้จากไปแล้ว เหมือนกับเพื่อนของแกที่เคยตั้งวงพูดคุยกันที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่หน้าร้านแก 

       ขอภพภูมิที่ดีได้เป็นที่อยู่ของเหียลิ้ง เจ้กัณหา และผองเพื่อนของแกทุกๆคน ด้วยจิตคารวะของเด็กท่าเรือจ้างคนนี้ครับ

                                           ………..หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะมาอัพเดทให้ตลอดเวลานะครับ………….