เมษายน 20, 2024

เมืองฉะดอทคอม>MUANGCHA.COM

โน่นนิดนี่หน่อยค่อยเป็นค่อยไป

หลิวเอี้ยน ขุนนางนักธุรกิจ


ในปลายสมัยราชวงศ์ถัง มีขุนนางคนหนึ่งชื่อ หลิวเอี้ยน เขาเคยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองและเจ้ากรมการขนส่ง มีหน้าที่รับผิดชอบการขนส่งเสบียงเข้าสู่เมืองหลวง เขาเป็นขุนนางที่สมควรได้รับการยกย่องให้เป็นนักธุรกิจที่รู้จักบริหารการ ค้าได้ยอดเยี่ยมมาก เขาได้เปลี่ยนแปลงระบบการขนส่งทางเรือครั้งใหญ่ สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างมากมาย
สมัยนั้น เมืองหลวงของราชวงศ์ถังตั้งอยู่ที่ฉางอาน ซึ่งเป็นแหล่งที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น ดังนั้งจึงต้องการเสบียงอาหารเป็นจำนวนมาก และจะต้องลำเลียงจากเมืองต่างๆ เข้าสู่นครหลวงโดยทางเรือ แต่เสบียงอาหารเหล่านั้นมักจะได้รับความเสียหายมากกว่าครึ่ง ทั้งนี้เนื่องจากกระแสน้ำในแม่น้ำแยงซีเกียงเชี่ยวกราก เรือเสบียงมักพลิกคว่ำเสียหายกลางทาง ปีไหนทำการขนส่งเสบียงถึงเมืองหลวงได้ ๘๐ เปอร์เซน ก็ได้รับรางวัลจากฮ่องเต้แล้ว

หลังปฏิวัติระบบขนส่งแล้ว เรือเสบียงก็ไม่ค่อยประสบอุบัติเหตุ ทำให้ความเสียหายลดลงอย่างมาก นอกจากนี้การขนส่งยังรวดเร็ว

หลิว เอี้ยน ยังพัฒนากิจการขนส่งต่อไปอีก เขาแนะนำให้ประชาชนสร้างอู่ต่อเรือขึ้นที่ปากแม่น้ำแยงซีเกียงสิบกว่าแห่ง การสร้างเรือแต่ละลำต้องใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก คนบางคนไม่รู้เรื่อง ก็เสนอความเห็นว่า เขาสร้างเรือแต่ละลำใช้เงินมากเกินความเป็นจริง ที่จริงไม่ต้องใช้เงินถึงล้านตำลึงดอก แค่ห้าแสนตำลึงก็มากพอแล้ว แต่เขาแย้งว่า ของดีย่อมราคาแพงเป็นธรรมดา สำหรับตนที่คิดการใหญ่นั้น ไม่ควรขี้เหนียวเงินทองเพียงเล็กน้อยเท่านี้ เราควรมองให้เห็นถึงประโยชน์ระยะยาว เวลานี้อู่ต่อเรือต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย เราจึงควรรับประกันค่าใช้จ่ายของเขาเสียก่อนอย่าทำให้เขาต้องอึดอัด หรือไม่มั่นใจในอาชีพใหม่ เช่นนี้แล้วเรือที่จะสร้างขึ้นจึงจะแข็งแรง ทนทาน มีคุณภาพ ไม่แตกหรือล่มง่าย แต่ถ้าเราเอาแต่คิดเล็กคิดน้อย แล้วจะทำการใหญ่ได้อย่างไร โครงการระยะยาวจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร

หลิว เอี้ยนยังวิจารณ์คนสายตาสั้นในสังคมว่า ต่อไปคงมีคนวิจารณ์ข้าพเจ้าอีกว่า ทุ่มเงินให้แก่การต่อเรือมากเกินไป คนสายตาสั้นพวกนั้น จะต้องหาทางตัดงบประมาณธุรกิจแขนงนี้ลง ถ้สลดเกินกว่าครึ่งละก้อ กิจการขนส่งจะต้องได้รับความกระทบกระเทือนแน่ๆ

50 ปีต่อมา ขุนนางผู้รับผิดชอบการขนส่งคนใหม่ ก็หั่นงบประมาณในการสร้างเรือลงครึ่งหนึ่ง จนกระทั่งถึงสมัยพระเจ้าถังอี้ฮ่องเต้ ขุนนางที่รับผิดชอบกิจการต่อเรือ ก็ยิ่งตัดงบประมาณต่อเรือให้น้อยลงไปอีกหลายเท่าตัว ในที่สุดอู่ต่อเรือก็ขาดทุน พวกเขาจึงหันมาลดต้นทุนด้วยการผลิตเรือด้อยคุณภาพ ดังนั้นกิจการขนส่งทางเรือจึงตกต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งตกต่ำสุดขีด ไม่มีทางฟื้นตัวได้อีกเลย

เมื่อนำหลิวเอี้ยนไปเปรียบเทียบกับเจ้ากรม ขนส่งคนอื่นๆ แล้วจะพบว่า ความรู้ ความเข้าใจ สายตาใการมองปัญหาของหลิวเอี้ยนนั้น เหนือชั้นกว่าขุนนางคนอื่นๆมากมายนัก

แม้ เหตุการณ์จะผ่านมาหลายร้อยปี หากเรามองรอบๆตัวเราขณะนี้ก็จะพบว่า คนอย่างหลิวเอี้ยนก็ยังคนผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาสู่สังคม ในขณะที่ขุนนางที่ไร้วิสัยทัศน์นั้นก็มีมากมายดาษดื่นในวงการข้าราชการไทย ของเรา แต่อาจจะหนักหนาสาหัสกว่าสมัยนั้นอย่างมากมาย เพราะสมัยนี้เลือกใช้วิธีทางลัดในการเข้ามามีบทบาทในการบริหารประเทศ เงินเอา งานไม่ทำ แต่ร่ำร้องขอความดีความชอบอยู่ร่ำไป ได้ก็ดี ไม่ได้หรือได้น้อย ก็หาทางปลุกปั่น ยุยง เกณฑ์คนเข้ามาแสดงพลังอำนาจ เพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ถึงสิ่งที่ตนเองต้องการจะได้ วังเวงครับบ้านนี้เมืองนี้